กลายเป็นปมด้อยในชีวิต “ใบหม่อน กิตติยา” เปิดใจ หลัง แฮชแท็กใบหม่อนกลัวกะเทย คัมแบ็ก - EVENT96 PR ONLINE

AD HTM

Post Top Ad

Responsive Ads Here

วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2566

กลายเป็นปมด้อยในชีวิต “ใบหม่อน กิตติยา” เปิดใจ หลัง แฮชแท็กใบหม่อนกลัวกะเทย คัมแบ็ก

 


กลายเป็นปมด้อยในชีวิต ใบหม่อน กิตติยา เปิดใจ

หลัง แฮชแท็กใบหม่อนกลัวกะเทย คัมแบ็ก

เป็นประเด็นที่กลับมาร้อนแรงอีกครั้งสำหรับ ใบหม่อน กิตติยา จิตรภักดี นางเอกป้ายแดง กับปมดราม่าลุกลามลากยาวมาถึงปัจจุบัน หลังจากที่มีการขุดคุ้ย คลิปเก่า เมื่อ 8 ปีที่แล้วจากที่ตนเคยเข้าประกวดรายการชื่อดัง และพูดกลางรายการว่า ตนกลัวกะเทย ซึ่งประเด็นเรื่องนี้เคยเงียบไปแล้ว แต่กลับมาว่อนโซเชียลอีกครั้ง หลังจากที่ สาวใบหม่อน กำลังมีผลงานละคร เพลงรัก รอยแค้น งานนี้ทำเอาเจ้าตัว ถือโอกาสเปิดใจพูดครั้งแรกถึงประเด็นนี้ และไม่มองว่า มีคนปล่อยคลิปนี้ให้กลับมาอีกครั้งเพื่อสกัดดาวรุ่งเธอ




เห็นดราม่า ใบหม่อน กลัวกะเทยกลับมาอีกครั้งรู้สึกยังไง ?

เอาจริงๆตกใจเพราะมันเป็นความรู้สึกที่ไม่ได้เห็นมานานแล้ว คิดว่าเรื่องเงียบไปแล้ว แต่เคยได้ยินว่ามีคนเอาคลิปไปลงอีกครั้ง เราเห็นแล้วเป็นความรู้สึกที่ไม่เกิดขึ้นมานานแล้ว เราพยายามไม่กลับไปดู มันเป็นปมในใจเรา ก็เลยตกใจ คือมีคนมาเมนต์ด่าค่อนข้างแรงมาก ซึ่งเหตุการณ์ผ่านมานานมากคนก็ยังพูดถึงแต่ก็ไม่ได้นอยด์เหมือนตอนนั้นแล้ว เราน่าจะโตขึ้นด้วย ตัดภาพไปที่ตอนนั้นคือเรากลัว ร้องไห้ เครียดหนักมาก กลัวจะมีคนเกลียดเราเยอะ กลัวโดนสาป จนไม่มีที่ยืนในวงการ เพราะเราเพิ่งเริ่มต้นเอง ซึ่งมันก็เป้นแบบนั้นจริงๆ

หลายคนตั้งคำถามถึงตอนนั้น ว่าพูดแบบนั้นทำไมว่าเรา กลัวกะเทย ?

 อย่างแรกเลยก็คือตอนนั้นเป็นเวทีแรกเลยที่เราประกวดไม่มีประสบการณ์ด้านตอบคำถามเลย อายุก็ยังน้อยไม่ได้คิดว่าจะเอาอายุมาอ้างแต่สำหรับใบหม่อน คือตอนนั้นอายุ16 ปี สำหรับเราก็เรายังเด็กจริง พอมาเจอคนเยอะๆ ก็เลยกังวลหนัก เราไปประกวดแบบไม่ได้เตรียมตัว รูปแบบเป็นยังไง สถานการณ์หน้างานจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่เรารู้แค่ว่ามันคือการประกวดที่ใหญ่มากระดับประเทศเลย และยิ่งอายุ16 ปี ตอนนั้นเราใช้คำพูดไม่เป็นเรียบเรียงคำตอบไม่ถูก ธรรมดาก็เป็นคนที่พูดไม่ค่อยรู้เรื่องอยู่แล้ว ตอนนั้นมีการสัมภาษณ์จากพี่ๆทีมงานมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งระยะเวลาที่เขาสัมภาษณ์กับตอนถ่ายทำไฟนอลในสตูจริง ๆ มันห่างกันเกือบ 3 เดือน ซึ่งถือว่ามันห่างมาก เราก็ไม่ได้จำแล้วว่าเขาถามอะไรบ้าง บวกกับตอนนั้นเราตื่นเต้น ไม่คิดว่ารอบไฟนอลเขาจะวนกลับมาถามเราอีก เพื่อให้รายการดูมีลูกเล่นประมาณนี้หรือเปล่า อันนี้เราก็ไม่รู้ ซึ่งตอนที่เขาถามมาเราอึ้งไปเลย จริงๆเราพอจำได้นะว่าคำถามนี้เคยถูกถามมาก่อน แต่เราไม่ได้จำว่าตอบอะไรไปบ้าง จำได้ว่าตอนที่สัมภาษณ์กับพี่ทีมงานเราตอบไปว่า กลัว เพราะว่าพี่ ๆที่เป็นเพศที่ 3 เขามาประกวดครั้งแรก ซึ่งเป็นเวทีแรกที่รับเพศที่ 3 มาประกวด และกลัวในความสวยของพวกเขา มีทั้งความเป๊ะ พร้อมรอบด้าน หน้าสวย กลัวว่าตัวเองจะสู้ไม่ได้ อันนั้นเป็นคำตอบที่เราตอบพี่ๆทีมงานจริงๆ แต่วันไฟนอลตอนนั้นคือเราทำตัวไม่ถูก ทั้งตื่นเต้นทั้งประมาท ถ้าสังเกตได้คือตอนนั้นหน้าเราเจื่อนๆไปเลย ไม่ใช่แค่ตอนสัมภาษณ์เท่านั้น แต่ตอนที่เราถ่ายรูปยังโดนพี่ลูกเกด ทักเลยว่า สีหน้าในตอนนั้นยังดูไม่มั่นใจ เราตื่นเต้นมากๆจริงในวันนั้น พอถูกถามมาแบบนั้นเลยตอบไม่ถูกสื่อสารผิด อันนั้นเราบอกตรงๆว่าเป็นข้อผิดพลาดของเราจริงๆ ที่เราไม่ได้เตรียมตัวไป วันนั้นในสิ่งที่เราตอบคือเราตอบไปแบบนั้นจริงแต่เราไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น ถือว่าในตอนนั้นเป็นข้อผิดพลาดในชีวิตมาก แต่ก็ให้มองย้อนไปว่าวันนั้นเป็นบทเรียน ทำให้เราได้อยู่วงการและเติบโตมากยิ่งขึ้น ว่าต่อไปเราจะต้องทำตัวยังไง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสัมภาษณ์ การเล่นละคร หรือการประกวด ที่ต้องพัฒนาขึ้นในทุกๆวัน



ตอนที่ดรามาหนักๆ ใบหม่อนรู้สึกยังไงมีวิธีจัดการกับตัวเองในกระแสลบๆอย่างไร ?

ตอนนั้นโดนหลายๆคนทั้งสาปและด่าหนักมาก บางคนด่าไปถึงพ่อแม่ หรือแม้กระทั่งด่าหนูไม่ปกติ มีปมอะไรมา หรือมีเหตุการณ์อะไรที่ฝังใจไหม บอกตรงๆว่าไม่มีเลย เป็นการตอบคำถามที่ไม่ได้คิด ไม่ได้เจตนาจนกลายเป็นข้อผิดพลาดเฉยๆ ส่วนการจัดการกับความรู้สึกตัวเองในตอนนั้นคือตอนนั้นเสียใจหนักมากนะ ไม่เล่นโซเชียลไปสักพักอยู่กับตัวเองทบทวนตัวเอง ไม่กล้าออกไปไหนเลย แม่ก็คอยเป็นห่วงอยู่กับเราไม่ห่าง ร้องไห้กันทุกวัน คอยโทรถามเพื่อนว่าคอมเมนต์เหล่านั้นหายไปหรือยัง คนยังหยิบมาเล่นไหม แต่จะเล่นโซเชียลเองเลย เพราะความที่เราอายุยังน้อยและมาเจอการถูกด่าแบบนี้แรงๆมากสำหรับเราครั้งแรก พอผ่านไปสักพักและเรากลับไปอ่านขนาดทำใจมาแล้วเรายังรับไม่ได้เลย แย่มากกับคำพูดที่เขาด่า เพราะเขาพาดพิงมาถึงพ่อแม่เราทั้งๆที่เขาไม่ได้ผิดอะไรเลย กลายเป็นความเข้าใจผิดทั้งๆที่เราไม่ได้อยากให้มันออกมาแบบนั้น

ตอนที่เกิดเหตุการณ์ ทางรายการหรือทีมงานมีมาให้กำลังใจยังไงบ้าง ?

มีนะคะ จำได้ว่าเราโทรไปหาพี่ลูกเกดเลย เพราะแม่เหมือนจะรู้จักกับใครในนั้นแล้วคนนั้นรู้จักพี่ลูกเกด เล่าให้เขาฟังว่าตอนนี้ เราสภาพจิตใจแย่มากเลย และพี่ลูกเกดก็ดีมากมาให้กำลังใจเรา บอกกับแม่เราว่าไม่ต้องคิดมากเดี๋ยวกระแสต่างๆมันก็จะผ่านไป รู้ว่าเราไม่ได้ตั้งใจ ไม่อยากให้มันออกมาเป็นแบบนี้ และแม่ก็ขอให้ทีมงานช่วยลบคลิป เพราะตอนนี้สภาพจิตใจเราไม่ดีมากๆ ซึ่งตอนนั้นก็แย่มากจริงๆ



เห็นว่าเรากลัวการตอบคำถาม การสัมภาษณ์ไปเลย กลายเป็นปมด้อยในใจ ?

ทุกวันนี้เลยยังเป็นปมที่ทำให้เราไม่กล้าที่จะสัมภาษณ์ หรือตอบคำถามอะไรมาก หรือบางทีเราอาจจะต้องขอใช้เวลาในการคิดคำตอบเพื่อเตรียมตัวด้วยประมาณนี้ค่ะ ถ้ามีคนมาถามเราแบบที่เราไม่ได้ตั้งตัวเราจะกลัวไปหมด แฮชแท็กใบหม่อนกลัวกะเทย กลายเป็นไม่ใช่ปมของเราและ แต่ปมของเราในตอนนี้คือ การที่เราไม่มั่นใจในการตอบคำถามมากกว่า กลัวจะตอบผิด ที่กลายเป็นปมของเราจนถึงทุกวันนี้



คิดว่ามีคนตั้งใจปล่อยคลิปเพื่อสกัดดาวรุ่งของเราหรือเปล่า เพราะตอนนี้กระแสละคร เพลงรัก รอยแค้น ของเรากำลังมากับนางเอกเรื่องแรกของช่อง 8 ?

ใบหม่อนคิดว่าเขาไม่ได้ตั้งใจสกัดดาวรุ่งเราหรอก แต่ไม่รู้ว่าเจตนาของเขาคืออะไร แต่ก็มองไปในทางที่ดี ว่ามันเคยหายไปแล้วช่วงหนึ่ง และเขาเอามาลงแบบนี้ทำให้มีคนมารู้จักเราเพิ่มมากขึ้น ว่าเราเป็นใครเราเลยใช้โอกาสตรงนี้ ในการบอกให้หลายคนได้รู้จักเรามากขึ้นว่าคนนั้นคือเราเอง โดยการใส่แท็กของเราใน TilTok และสิ่งที่เราจะสื่อหลังมีคนกลับมาถามเราอีกคือเราอยากจะบอกว่าเราไม่ได้กลัวกะเทย และเราไม่ได้มีเจนตนาแบบนั้นนะคะ



ฟีดแบคหลังจากที่เขารู้ว่าเราคือ เจ้าของแฮชแท็ก เป็นไงบ้าง ?

ก็มีคนรู้จักเราเพิ่มขึ้น พูดถึงเราเข้ามาติดตามเราเลยใช้โอกาสนี้ ในการโปรโมทละครที่ตัวเองเล่นด้วย ว่า ละคร เพลงรัก รอยแค้น คือละครเรื่องแรกที่เราได้รับเล่นเป็นนางเอก และอยากฝากให้ทุกๆคนได้ติดตาม แต่ตอนนี้หลังจากที่เราได้อ่านคอมเมนต์อีกครั้งคนก็ไม่ได้ด่าเราหนักเท่าเมื่อก่อนแล้วนะคะ เหมือนกลายเป็นมีมขำๆที่คนแซวเรากันมากกว่า ด้วยความที่เรื่องผ่านมา 8 ปีกว่าแล้วด้วย บางคนจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจมันเป็นปกติ เราก็ไม่ได้ว่าหรือตอบกลับเขาแรงๆ แต่ก็มีบ้างที่ย้อนกลับไปรู้สึกแย่ๆอีกครั้งความรู้สึกที่เคยเกิด ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากกว่า ไม่ได้ว่าใครจะมาสกัดดาวรุ่งเราให้แย่กว่าเดิม




คิดว่าทำไมกระแสถึงกลับมาแรงอีกครั้งใน TikTok ?

นั้นสิใบหม่อนก็อยากรู้เหมือนกัน เพื่อนหนูทักกันมาเต็มเลยหลังจากที่เห็นคลิป คือคนรอบตัวค่อนข้างจะเป็นห่วงเรามาก เพื่อนหลายๆคนก็ไปช่วยตอบในคอมเมนต์แรงๆ แต่หนูเองก็บอกเพื่อนนะว่าไม่ต้องไปด่าเขา เขาจะด่าอะไรเราก็แค่อ่านพอ และเราก็ไม่ต้องไปสนใจอะไรมาก เพราะมันผ่านมาตั้ง 8 ปีกว่า ไม่อยากจำในภาพลบๆแล้ว แต่พลิกมองให้เป็นโอกาสดีๆ ว่าทุกวันนี้เราได้ทำงานได้รับโอกาสดีๆจากผู้ใหญ่ และสำหรับคนที่เอามาลงใบก็ไม่รู้ถึงเจตนาจริงๆนะ อาจจะแค่อยากได้ยอดผู้ติดตามหรือคนกดไลค์เพิ่มแค่นั้นก็ได้ แต่จริงๆแล้วเราก็ไม่ค่อยอยากให้หยิบประเด็นนี้มาพูดอีก เพราะถึงยังไงเราก็ยังรู้สึกฝังใจอยู่เหมือนเดิม

อยากจะอธิบายอะไรกับคนที่มองเราในแง่ลบ ?

อยากให้ทุกคนมองในปัจจุบันเรามากกว่าว่าจริงๆแล้วตอนนี้เราเป็นยังไงมากกว่า ยังมีบางคอมเมนต์นะที่ถามเราว่าตอนนี้ยังกลัวกะเทยไหม เราก็ตอบไปว่าเราไม่ได้กลัว ไม่ได้เป็นแบบนั้น ไม่เคยคิดแบบนั้นด้วย เราไม่ได้มีปมปัญหาเกี่ยวกับเพศที่ 3 เพียงแค่ตอนนั้นเราตอบคำถามไม่เคลียร์เองมากกว่า คือเราจะไปยัดเยียดให้เขามองเราในแง่บวกเท่านั้นไม่ได้หรอก คนเรามันมองไม่เหมือนกัน ใบอาจจะเผลอไปทำอะไรไม่ดีใส่ใครแบบที่ไม่ได้ตั้งใจ แค่นี้เขาก็อาจจะมองเราลบไปแล้วมันก็ไม่ผิด แต่ก็ไม่อยากให้เกลียดโดยที่เรายังไม่ได้อธิบายอะไรเลย หรือไม่ได้รู้จักเราจริงๆว่าเราเป็บแบบไหน ภาพที่เห็นกับสิ่งที่ใบเป็นอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้

ถ้าย้อนกลับไปได้เรามีอะไรที่เราอยากแก้ไขไหม ?

ถ้ามองย้อนกลับไปในตอนนั้นจริงๆมันก็แย่มากสำหรับเรา แต่ก็ทำให้เรากลายเป็นตำนาน มีชื่อเราติดในอินเทอร์เน็ต ก็ต้องมองในแง่ดี คือไม่ได้บอกว่าสิ่งที่สื่อไปมันเป็นเรื่องที่ดีเพราะทุกวันนี้โซเชียลก็ค่อนข้างไว เราแค่ต้องปรับความคิดเราตามไปด้วย เราคงกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะต่อให้เราย้อนกลับไปเราก็อาจจะตอบอะไรที่ไม่ทันระวังอยู่ดีไม่มากก็น้อย เพราะไม่มีประสบการณ์ไม่มีพี่เลี้ยงไปเองกับครอบครัว ตอนนั้นคือไม่อยากแก้ไขอะไร แต่ตอนนี้เราก็ได้แก้ไขในคำพูดที่เราเคยพลาดไปเรียบร้อยแล้ว ที่ผ่านมาในปัจจุบันมากกว่า



ความคิดตอนนั้นกับตอนนี้เปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหน ?

เปลี่ยนมาก เพราะได้เรียนรู้จากความผิดพลาดที่ผ่านมา ถือว่าเป็นบทเรียนมันไม่ใช่แค่เรื่องนั้น มันเป็นเรื่องที่ใบผ่านละครมา ผ่านการทำงานในหลายรูปแบบทำให้เราได้เรียนรู้อะไรอีกมาก และมันก็เพิ่มเติมขึ้นในทุกๆวันว่าเราควรจะต้องปรับอะไรตรงไหน ควรเพิ่มหรือลดอะไรควรจะปฏิบัติตัวยังไง ทั้งความคิดและการกระทำ ยิ่งถูกล้อมรอบไปด้วยผู้ใหญ่ คนที่มีความคิดที่ดีก็ทำให้เราได้ซึมซับ เรียนรู้ว่าต้องปรับตัวตรงไหน

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad

Responsive Ads Here